Pages

Saturday, September 5, 2020

ศึกหนัก “มู่หลาน” เจอบอยคอตผสมโควิด ลุ้นทางรอดดิสนีย์สู้เกม “สตรีมมิง” - ไทยรัฐ

soncenos.blogspot.com

“มู่หลาน” (Mulan) และดิสนีย์ กำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะเจอปัญหามากกว่าหนังเรื่องอื่น ลำพังโควิด-19 ก็แทบแย่แล้ว  “มู่หลาน” ยังกำลังเจอกระแสบอยคอตนักแสดงนำ ในช่วงเวลาสำคัญที่ “ดิสนีย์” ปล่อยหนังฉายตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน พร้อมๆ กับลุยโมเดลให้ดูหนังใหม่ออนไลน์เข้าสู่ระบบสตรีมมิง ที่มี Netflix เป็นเจ้าตลาด มีสมาชิกมากกว่าถึง 3 เท่า เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้ทันเวลาก่อน

มู่หลาน 2020 The show must go on 

หากสถานการณ์ปกติ “มู่หลาน” (Mulan) ฉบับรีเมกที่ใช้คนแสดงล่าสุดนี้ น่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ชมไม่น้อย เพราะโดยเนื้อหานั้นสนุก น่าสนใจ มีชีวิตระดับตำนานของจีนนับพันปี ซึ่งพิสูจน์มาแล้วจากความสำเร็จของ “มู่หลาน” (Mulan) เวอร์ชั่นแอนิเมชั่นเมื่อปี 1998 หรือประมาณ 22 ปีมาแล้ว ซึ่งดิสนีย์ใช้ทุนสร้าง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และทำรายได้ทั่วโลก 304 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เรื่องราวที่ “มู่หลาน” สามารถสร้างแรงบันดาลใจ เพราะตำนานของ “ฮัว มู่หลาน” วีรสตรีชาวจีนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงกลียุคของประวัติศาสตร์จีนเมื่อกว่า 1,400 ปีที่แล้ว จากหญิงธรรมดาคนหนึ่ง ได้กลายเป็นตำนาน เพราะเธอปลอมตัวเป็นผู้ชาย ไปเกณฑ์ทหารแทนพ่อที่สูงวัย ไปต่อสู้เพื่อประเทศชาติ

มาในปี 2020 นี้ “มู่หลาน” (Mulan) ฉบับคนแสดงใช้ทุนสร้าง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,270 ล้านบาท ใช้เวลาเตรียมการและสร้างสรรค์ประมาณ 4 ปี เสร็จและเปิดตัวพอดีในช่วงโควิด-19 ระบาด

ในจังหวะนั้นสำนักข่าวซินหัว เคยรายงานไว้ว่า เป็นความหวังของ “นิกิ คาโร” ผู้กำกับภาพยนตร์ของค่ายดิสนีย์ ที่ได้กล่าวในงาน เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ ที่เมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 มีนาคม 2563 ว่า "จิตวิญญาณแห่งนักสู้ของ มู่หลาน จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทั่วโลกที่เผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะโควิด-19"

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คือต้องฉายในโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2563 แต่เป็นเพราะโควิด-19 จึงต้องเลื่อนมาแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรก กำหนดฉายเดือนมีนาคมดังกล่าว แต่เลื่อนมาเป็นกรกฎาคม เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศยังหนักหนาสาหัสอยู่ จนเดือนสิงหาคมก็เลื่อนอีก 

ดิสนีย์ส่ง "มู่หลาน" ลุยเกมสตรีมมิง

การรอคือการสูญเวลาไปเปล่า ๆ จนดิสนีย์ตัดสินใจปล่อยหนังฉายตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนแล้วในหลายประเทศ รวมทั้งในไทย และให้ดูทางออนไลน์ สตรีมมิง ผ่านแพลตฟอร์ม “ดิสนีย์พลัส” ด้วยกลยุทธ์ คือใครอยากดูก่อนก็จ่ายเพิ่มจากค่าบริการปกติ โดยกลุ่มสมาชิกดิสนีย์พลัส ที่ต้องการชมก่อน คือตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ต้องจ่ายเพิ่ม 29.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากค่าบริการปกติที่ 6.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน ส่วนสมาชิกทั่วไปจะได้รับชมโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2563 

หากโมเดลนี้ได้ผลตอบรับดี แน่นอนว่าดิสนีย์ จะนำไปใช้กับหนังเรื่องอื่นๆ ต่อไปท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ยังระบาดหนัก

ไม่เพียงการต่อสู้ทางธุรกิจที่ดิสนีย์ต้องเผชิญในช่วงโควิด-19 ที่คนหลายประเทศยังต้องล็อกดาวน์ และตลาดสตรีมมิงแข่งขันสูง โดยเฉพาะการไล่ให้ทันกับยักษ์ใหญ่แห่งความบันเทิงผ่านสตรีมมิง อย่าง Netflix ที่ขณะนี้มียอดสมาชิกเกือบ 200 ล้านรายแล้วทั่วโลก ขณะที่ดิสนีย์มีสมาชิกเพียง 60.5 ล้านรายเท่านั้น

แต่เวลานี้ดิสนีย์ยังเจออุปสรรคเพิ่มขึ้น เพราะกำลังเผชิญกับกระแสต่อต้าน “มู่หลาน” จากนักเคลื่อนไหวใน ฮ่องกง ไต้หวัน รวมถึงเริ่มมีกระแสในไทย จากกรณีที่นักแสดงสาว หลิว อี้เฟย ซึ่งรับบทแสดงนำ ได้แสดงความเห็นก่อนหน้านี้ในลักษณะสนับสนุนการกระทำของตำรวจ ที่ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ซึ่งดิสนีย์เองยังไม่มีท่าทีใดๆ กับประเด็นร้อนนี้

อย่างไรก็ตามธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป วันแรกของการปล่อยหนังฉาย และสตรีมมิง ดิสนีย์ จึงต้องโปรโมตอย่างเต็มที่ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพื่อบุกตลาดสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรปบางประเทศ ส่วนประเทศจีนจะเริ่มวันที่ 11 กันยายนนี้

เพราะนี่คือวาระสำคัญ ในการชี้วัดว่าดิสนีย์ จะทำรายได้จากมู่หลานมากแค่ไหน และที่สำคัญมีโอกาสชนะในเกมธุรกิจสตรีมมิงนี้ได้บ้างหรือไม่

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


September 06, 2020 at 09:49AM
https://ift.tt/2DxhSjy

ศึกหนัก “มู่หลาน” เจอบอยคอตผสมโควิด ลุ้นทางรอดดิสนีย์สู้เกม “สตรีมมิง” - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3ciA1wM
Home To Blog

No comments:

Post a Comment